กระแสยานยนต์ไฟฟ้า
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เปิดเผยว่า แม้โควิด-19 จะส่งผลกระทบให้บางโรงงานผู้ผลิตต้องหยุดไปชั่วคราว แต่ผู้จำหน่าย ตัวแทน และศูนย์บริการของแต่ละแบรนด์ยังคงเปิดให้บริการในประเทศไทย และเมื่อประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ อุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งโรงงานผลิตรถยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าจะกลับมาเปิดอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จะมาแรงหลังวิกฤตโควิดครั้งนี้
“แม้โควิด -19 จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง แต่คนได้เริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวสู่อนาคต ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องใส่ใจในเรื่องของอากาศ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น” อุปนายกสมาคม EVAT กล่าว
ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 250,000 คัน รถเมล์ไฟฟ้า 3,000 คันและจักรยานยนต์ไฟฟ้า 53,000 คันในปี 2568 ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาปกติคงได้เห็นการเดินหน้าของโครงการยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดหยุดชะงักชั่วคราว เพื่อธุรกิจจะรักษาสภาพคล่องไว้
“จากมุมมองของสมาคมฯ เราอาจเห็นความล่าช้าในการลงทุนโดยผู้ประกอบการไปบ้าง แต่สมาคมยังคงมองในแง่ดีว่าหากมีมาตรการในการสนับสนุนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหลังจากนี้ เพราะอย่างไรก็ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงดำเนินตามแผนในการลด CO2 Emission ลดฝุ่น PM 2.5 รวมไปถึงแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายในการลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกราว 20-25% จากระดับการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในกรณีปกติ ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าช่วยตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง